11-17 ตุลาคม 2553
ค่ายธรรมชาติที่เขาใหญ่ปีนี้ สมาชิกล้นหลาม...ทั้งพี่ปฐมธรรม น้องอนุบาล 3 และศิษย์เก่าที่จบไปแล้วมาร่วมกิจกรรม 7 วันกันอย่างคับคั่ง ในวันจันทร์และอังคาร จะเป็นการเตรียมตัวเด็กๆ โดยให้ความรู้เกี่ยวกับเขาใหญ่ ธรรมชาติ และการปฏิบัติตัวกันที่โรงเรียนอนุบาลบ้านพลอยภูมิ และอีก 5 วันเป็นวันฉายเดี่ยว เด็กๆจะไปใช้ชีวิตกันที่เขาใหญ่กับคุณครูเท่านั้น แล้วผู้ปกครองจะตามไปในวันเสาร์เพื่อดูผลงานลูกๆ
ครั้งนี้พอพ่อโก้แม่อ้อได้ข่าวน้ำท่วมโคราชกันตั้งแต่ล้อหมุนออกจากบ้าน แต่เพราะสัญญากับธีญาและธัญญาไว้ว่าจะพาไปป้อนนมลูกวัว บวกกับกิเลสการกิน...แฮมเบอร์เกอร์เนื้อลูกวัวของโชคชัยสเต๊ก เราจึงยังเลือกเดินทางไปทางถนนมิตรภาพ
แล้วเด็กๆก็ได้สนุกกับการรีดนมวัวที่ฟาร์มโคนมไทย-เดนมาร์ค
ป้อนนมลูกวัว
จากนั้นเราก็บึ่งรถขึ้นเขาใหญ่กัน เด็กๆอยู่กันที่ค่ายพักแรมเตียง 2 ชั้นและห้องน้ำรวมเหมือนกับทุกครั้ง หลังจากสวัสดีทุกๆคนแล้ว เราก็ขึ้นไปดูผลงานเด็กๆกันด้านบน ทั้งภาพสีอะครีลิค ภาพพู่กันจีน ภาพลายเส้นที่วาดโดยเด็กๆและคุณครูติดเต็มผนังไปหมด
ผลงานธีธัชมี 3 ชิ้น ได้แก่ รูปด้วง
รูปนกกระรางหัวขวาน
นกกก
และรูปสีอะครีลิค
รูปนี้น้องสาวขอถ่ายรูปกับผลงานพี่
บนเขาใหญ่อากาศกำลังเย็นดีจริงๆค่ะ หายใจกันเต็มปอดเลย แล้วก็ยังได้เห็นสัตว์ป่าอย่างใกล้ชิดด้วย นี่เป็นเจ้ากวางที่มาเดินอยู่ด้านหลังที่พัก
พอตกกลางคืน เราไปรวมกันที่ห้องประชุมเพื่อดูเด็กๆขึ้นเวทีเล่าเรื่องเกี่ยวกับเขาใหญ่ โดยเด็กๆต้องขึ้นพูดทีละคน ส่วนภาพบนจอด้านหลังก็จะเป็นภาพกิจกรรมที่เด็กๆได้ทำกันในวันฉายเดี่ยวกันบนเขาใหญ่
ธีธัชเล่าเรื่อง ที่มาของเจ้าเสือที่ถูกสตัฟฟ์ไว้ในศูนย์นักท่องเที่ยวเขาใหญ่ แม่ประหลาดใจเล็กน้อย เพราะปกติแล้วธีธัชไม่ชอบพูดในที่มีคนเยอะๆ แต่งานหนูก็ทำได้ครับ เย้ เย้...
แต่น้องไอซ์นี่สิคะ เล่าเรื่องอย่างฉะฉาน แถมเอามือจับไมค์อย่างมืออาชีพเชียวค่ะ
คืนนั้นจบลงด้วยการเต้น แมงมุมท้องป่อง เด็กๆเต้นกันเต็มที่เชียวค่ะ
วันรุ่งขึ้นเราไปผาตรอมใจกันแต่เช้า ที่นั่นเราได้เจอผีเสื้อเยอะแยะ รูปนี้น้องมีนกำลังจับผีเสื้อที่เกาะกันเต็มบนผนัง
นี่เป็นรูปโปรดของแม่อ้อค่ะ ถ่ายรูปธีธัชจากภาพสะท้อนของกระจก
เราได้เจอกับตั๊กแตนกิ่งไม้ด้วยค่ะ มันเกาะอยู่บนไหล่ครูต๋อมค่ะ
ต่อมาเราไปเดินป่าไป ผาเดียวดาย งานนี้ธีญากับธัญญาไม่ได้ไปค่ะ เพื่อความปลอดภัยของหนูเอง เพราะมันเป็นหน้าผาแบบไม่มีที่กั้น ขนาดพี่โตอย่างธีธัช พ่อโก้เองก็ยังไม่ปล่อยต้องยึดไว้ตลอด
เดินกันอย่างสบายๆเพราะอากาศเย็น ไม่นานก็ถึงหน้าผาค่ะ
เสียดายที่มีแต่หมอกเต็มไปหมด ก็เลยไม่ได้เห็นทิวทัศน์งามๆ
แต่ในระหว่างเดินกลับ เราเดินผ่านส่วนที่เต็มไปด้วยมอสเขียวๆอย่างนี้ งามชุ่มชื้นจริงๆค่ะ
หลังจากนั้นเราก็เดินทางกลับที่พักค่ะ พอกลับไปถึงก็เจอเจ้านกกกเกาะอยู่บนต้นไม้หลังที่พัก เด็กๆตื่นเต้นเข้าไปยืนดูกันใหญ่
นกกกเป็นนกซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในจำพวกนกเงือกของไทย แม่อ้อไปเขาใหญ่มาหลายครั้ง เคยเห็นตอนที่มันบินร่อนเป็นคู่อยู่บนผาเดียวดาย แต่ก็ก็เพิ่งมีครั้งนี้ที่ได้เห็นใกล้ๆอย่างนี้ คอยบอกเด็กๆว่าอย่าเข้าใกล้มากเพราะเดี๋ยวมันจะตกใจบินหนี แต่ที่ไหนได้..แม่เปิ้ลมากระซิบบอกว่า เมื่อกี๊ก่อนที่แม่อ้อจะกลับมา มันกระโดดเข้ามาใต้ถุนตีกเพื่อหาอาหาร จนผู้ใหญ่แถวๆนั้นต้องมาไล่มันออกไป อ้าว...
ทริปนี้นอกจากที่ธีธัชได้เรียนรู้และสัมผัสธรรมชาติเต็มที่แล้ว ก็ยังได้ฝึกดูแลตัวเองและน้องๆ เพราะครั้งนี้มีการแบ่งกลุ่มเด็กๆ เป็นกลุ่มละ 2-3 คน ธีธัชซึ่งเป็นพี่โตต้องดูแลน้องอนุบาลอีก 2 คน ได้ถามธีธัชว่าทำอะไรให้น้องบ้าง ธีธัชบอกว่าได้ช่วยจับทากออกจากน้อง แต่พอถามน้องจั้ง น้องบอกว่า "ตอนเดินป่า..พี่ธีเดินมาบอกว่าให้เดินเร็วๆ แล้วพีธีก็หายไปเลย!" อ้าว..ไหงเป็นงั้นล่ะธีธัชเอ๋ย งานนี้เด็กๆได้จัดกระเป๋ากันเองด้วย เพราะมีการหอบเอากระเป๋าไปจัดกันที่โรงเรียนล่วงหน้าด้วย
ต้องขอบคุณทางคุณครูที่ช่วยกันจัดกิจกรรมดีๆแบบนี้ค่ะ
หลังจากปิดค่ายลง เราก็แยกย้ายกันกลับบ้าน และเราก็เลือกแวะให้ธีธัชได้กินแฮมเบอร์เกอร์ที่ได้พลาดไป..เย้..เย้!
อ่านเรื่องราวของ นกกก เพิ่มเติมได้ที่ http://atcloud.com/stories/36682 มีพฤติกรรมน่าสนใจหลายอย่าง เช่น การจับคู่แบบผัวเดียวเมียเดียว การที่นกตัวผู้ต้องพิสูจน์ว่าตัวเองจะเลี้ยงดูตัวเมียได้ก่อนที่ฝ่ายหญิงจะปลงใจจับคู่ด้วย และนกตัวเมียจะปิดปากรังเก็บตัวอยู่ 2-3 เดือน จะคอยพึ่งนกตัวผู้ที่จะคอยหาอาหารมาให้