สถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล บางแสน (10/2/2555)
ทัศนศึกษาคราวนี้ไปไกลที่บางแสน ณ สถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล มหาวิทยาลัยบูรพา ที่นี่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาจาก “พิพิธภัณฑ์สัตว์และสถานเลี้ยงสัตว์น้ำเค็ม” ซึ่งก่อตั้งเดือน กันยายน ๒๕๑๒ โดยคณะอาจารย์ในภาควิชาชีววิทยา มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ บางแสน(มหาวิทยาลัยบูรพา ในปัจจุบัน) จากนั้นในปี ๒๕๒๓ มีการขยายโดยการสนับสนุนจากรัฐบาลญี่ปุ่น ในมูลค่าถึง ๒๓๐ ล้านบาท (ว้าวว!!)
เราวางแผนเดินดู 2 ส่วนค่ะ คือ สถานเลี้ยงสัตว์น้ำเค็ม(ชั้นล่าง) และพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ทางทะเล(ชั้น 2) แค่เดินเข้าไปเด็กๆก็ตื่นตาไปกับโครงกระดูกปลาวาฬใหญ่ยักษ์ที่ตั้งอยู่ด้านหน้า
แล้วเราก็ริ่มเดินดูในส่วน สถานเลี้ยงสัตว์น้ำเค็มกัน เราโชคดีที่ได้วิทยากรใจดี พี่จิรศักดิ์ หรือ พี่จิ มาช่วยเล่าเรื่องราวน่าสนใจของสัตว์ในท้องทะเลค่ะ รู้มั้ยคะว่านำ้ที่ใช้เลี้ยงปลาในนี้มาจากไหน มันเป็นน้ำทะเลจริงๆค่ะ แต่ไม่ได้มาจากบางแสนหรอกค่ะ มันมาจากสัตหีบ เพราะน้ำทะเลที่บางแสนนั้นมีความเค็มน้อยไป อาจจะเป็นเพราะน้ำที่ไหลมาจากชุมชนเมืองบางแสน
จากนั้นเราก็เดินดูสัตว์ที่น่าสนใจแบบตัวเป็นๆกัน นี่คือ ดาวแสงอาทิตย์(Eight-rayed starfish)
Octopus ตัวเล็ก เห็นปุ่มๆสำหรับการยึดเกาะกันชัดๆเลย ตรงกลางจะมีหนวด 2 เส้นเอาไว้จับเหยื่อค่ะ
ปลาสิงโต มีพิษอยู่ตามครีบ ถ้ามีสีเข้มก็ยิ่งมีพิษแรง
ที่นี่ค่อนข้างมืดและเล็กค่ะ และเริ่มมีกรุ๊ปเด็กนักเรียนทยอยเข้ามาร่วมชมกันมากขึ้นเรื่อยๆ เสียงก็ดังขึ้นเรื่อยๆ พี่จิเลยต้องใช้เสียงดังขึ้นอีก
ส่วนแม่อ้อเลยไม่ค่อยได้ฟังเก็บข้อมูลแล้วล่ะค่ะ เพราะต้องคอยตามเก็บเด็กๆของเราไม่ให้หลง ดังนั้น บล็อกนี้…บทบรรยายน้อยหน่อยนะคะ อิ อิ และภาพก็จะไม่ค่อยละเอียดเพราะในนั้นมันมืดมากจนต้องเพิ่ม ISO เต็มที่ทำให้ความคมชัดลดลง
เด็กๆสนใจกันมากค่ะ ถามพี่จิตลอดเวลาเชียวค่ะ
เวลาสำหรับหยุดดูแต่ละตู้ก็มีน้อยค่ะ เพราะมีขบวนนักเรียนไล่ตามมาเป็นพรวน ดังนั้น วาดเท่าที่ได้ไปก่อนค่ะลูก เดี๋ยวช่วงบ่ายจะให้เข้ามาเก็บงานอีกทีหนึ่งค่ะ
พี่จิกำลังเล่าเรื่องพ่อม้าน้ำเลี้ยงลูกอยู่ค่ะ ตอนผสมพันธุ์กันนั้น ม้าน้ำตัวเมียจะปล่อยไข่ไว้ในกระเป๋าหน้าท้องของตัวผู้เพื่อปฏิสนธิกับน้ำเชื้อของตัวผู้ ไข่ฟักตัวอยู่ประมาณ 2 อาทิตย์ ก็จะออกมาเป็นตัวค่ะ
จากนั้นเราเดินถึงส่วนนิทรรศการ งูทะเล ปลาไหล และงู โดยงูทะเลต่างกับงูบกตรงที่มีหางมีลักษณะคล้ายใบพายไว้สำหรับเคลื่อนที่ในน้ำไงคะ และงูทะเลมีต่อกำจัดเกลืออยู่ที่ใต้ลิน แต่มันมีปอดไว้หายใจเหมือนงูบกค่ะ ส่วนปลาไหลนั้นเป็นปลาหายใจด้วยเหงือกค่ะ
เดินต่อมาอีกหน่อยก็เจอกับแท้งค์น้ำขนาดใหญ่ มีกระจกเป็นลักษณะโค้ง ได้เห็นสัตว์น้ำว่ายกันอย่างชัดๆ
ถัดมาเป็นกระจกบานใหญ่มาก และมีที่นั่งล้อมรอบ ลักษณะนี้เหมือนกับที่เราเห็นกันใน Siam Ocean World ที่พารากอนเลยค่ะ และพอนึกว่าที่นี่ถูกสร้างมาเมื่อ 40 ปีที่แล้ว แสดงว่าที่นี่ทันสมัยมากจริงๆ
เด็กๆสนุกกับการชี้ชวนดูปลากันใหญ่เลย
หลังจากที่พี่จิเป็นวิทยากรให้ความรู้กับพวกเราให้ช่วงเช้ามากมาย พี่จิก็ต้องขอตัวไปเป็นวิทยากรให้กับเด็กๆกลุ่มถัดไปอีก พวกเราจึงกล่าวคำขอบคุณพี่จิกันที่ด้านหน้าค่ะ
แต่ทริปของเรายังไม่จบค่ะ ที่ชั้น 2 ยังมีพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ทางทะเลให้เก็บความรู้กันอีกค่ะ
ด้านบนมีนิทรรศการจัดแสดงทั้งภาพ ตัวอย่างสิ่งมีชีวิต การจำแนกประเภทสัตว์ ทั้งสัตว์กระดูกแข็ง กระดูกอ่อน และวิวัฒนาการสัตว์ ข้อมูลมากมายค่ะ ดังนั้นเด็กๆจึงเลือกหัวข้อที่เด็กๆในแต่ระดับชั้นสนใจ แล้วก็แยกย้ายกันเก็บข้อมูลค่ะ
พี่ป.4เลือกเรื่อง อาณาจักรสัตว์ในทะเล
ป.2 เลือกการจำแนกปลากระดูกอ่อนและปลากระดูกแข็ง
ป.1 เลือกบันทึกสัตว์ทะเลที่สนใจ
เด็กๆบันทึกด้วยลีลาไม่ซ้ำ แต่มีความเหมือนกันอยู่อย่างหนึ่งคือ ความตั้งใจ
พอได้เวลาเที่ยงเราก็ลงทุนขับรถไปปูเสื่อนั่งทานข้่าวที่ริมหาดบางแสนกัน น่าเศร้าเล็กน้อยที่บรรดาพ่อค้าแม่ค้ายึดวิวหาดทราย ตั้งเก้าอี้ปักร่มเต็มไปหมด เห็นแล้วก็สะท้อนอกสะท้อนใจ หาดทรายเป็นของพวกเราทุกคนไม่ใช่เหรอคะ ทางเทศบาลเมืองบางแสนน่าจะจัดระเบียบ ให้มีพื้นที่ส่วนกลางสำหรับประชาชนได้ชื่นชมหาดบางแสน โดยไม่ต้องโดนบังคับให้นั่งเก้าอี้ริมหาดบ้าง
แต่เด็กๆก็ยังหาความสุขประสาเด็กได้ค่ะ แค่นั่งทานข้าวพร้อมลมทะเลก็พอใจแล้วค่ะ
หลังจากทานข้าวเสร็จ เรากลับเข้าไปในสถานเลี้ยงสัตว์น้ำเค็มกันอีกครั้งเพื่อเก็บข้อมูลให้ครบถ้วน ก็ในช่วงเช้าเราเดินกันเร็วเหลือเกินค่ะ
แต่ตอนบ่ายก็ใช่ย่อย เราเจอปัญหาว่า เด็กๆโรงเรียนอื่นมาเยอะมาก มากจริงๆค่ะ ในภาพนี้เป็นเด็กอนุบาล เวลาเด็กๆเจอปลาต่างๆก็จะส่งเสียงร้องด้วยความดีใจ ยิ่งพออยู่ในห้องปิดแบบนี้ เสียงก็ยิ่งก้องไปกันใหญ่ พี่ๆปฐมธรรมเลยได้ฝึกสติและสมาธิไปในตัวค่ะ
เนื่องจากเด็กๆเลือกบันทึกในหัวข้อที่แตกต่าง คุณครูทั้ง 3 ท่านเลยต้องกระจายตัวคอยดูแลเด็ก ทั้งแม่อ้อและแม่มุกก็ช่วยประกบเช่นกันค่ะ ด้วยสัดส่วนเด็ก 12 คนต่อผู้ใหญ่ 5 คน ดังนั้นไม่มีใครหลงแน่ค่ะ
หลังจากเก็บเกี่ยวความรู้กันเต็มที่ เราก็ออกเดินทางกลับโรงเรียนเพื่อไปสรุปงานค่ะ ถึงแม้ที่นี่จะไม่ใหม่เอี่ยมหรือทันสมัย แต่ข้อมูลไม่เป็นรองแน่ค่ะ และพี่จิวิทยากรของเราก็เล่าว่า สถานเลี้ยงสัตว์น้ำเค็มกำลังก่อสร้างแท๊งค์ยักษ์เลี้ยงปลาอันใหม่อยู่ค่ะ ของเดิมนั้นจุน้ำได้ 1 พันตัน แต่อันใหม่จะจุได้ 5 พันตันเชียวค่ะ ปีหน้านะคะ ปีหน้า..เราจะมาเที่ยวที่นี่กันอีกค่ะ
ดูรูปเต็มอัลบั้มได้ที่ http://mamaaor.multiply.com/photos/album/107/107